วันอังคาร, มิถุนายน 30, 2552

แมวท้องเสีย

ท้องเสีย มีชื่อเรียกกันในทางการแพทย์ว่า Diarrhea ซึ่งเราสามารถจัดกลุ่มอาการท้องเสียได้เป็น 4 กลุ่มคือ

1. อาการท้องเสียจากมีปริมาณน้ำในอุจจาระมากเกินไปเนื่องจากมีสารอาหารที่ดูดซึมไม่ได้ปริมาณมาก อาหารไม่ย่อยและไม่ดูดซึม เช่น แมวป่วยเป็นโรคที่ตับอ่อนขาดน้ำย่อย ทำให้ไม่สามารถย่อยอาหารที่แมวกินเข้าไปได้เมื่อไม่ดูดซึมอาหารที่อยู่ช่องว่างของลำไส้ก็จะเป็นตัวการสำคัญที่จะดูดเอาน้ำมาเก็บไว้ในตัวของมันทำให้เมื่อเวลาที่สัตว์ถ่ายออกจึงมีปริมาณน้ำและอาหารออกมามากมายโดยเฉพาะเป็นอาหารที่ไม่ย่อย2. อาการท้องเสียที่เกิดจากการเพิ่มการหลั่งของเหลวและน้ำเข้ามาในท่อมากกว่าปกติ อันนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือสารพิษในทางเดินอาหาร3. อาการท้องเสียที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงการเลือกผ่านของของเหลว ระหว่างเยื่อบุลำไส้และท่อมักจะเกิดจากโรคที่ทำลายเยื่อบุลำไส้ เช่น มีแผลที่ลำไส้ หรือมีเซลล์อักเสบที่ผนังลำไส้ เป็นเนื้องอกที่ผนังลำไส้4. อาการท้องเสียที่เกิดจากการบีบตัวของลำไส้มากจนผิดปกติ อันนี้เกิดขึ้นได้เมื่อมีการบีบตัวมากและรุนแรงทำให้อาหารที่ถูกกินเข้าไปถูกขับออกมาไวส่งผลให้มีทั้งน้ำทั้งอาหารที่ยังไม่ดูดซึมถูกขับออกมาด้วยเช่นกัน

ท้องเสียเป็นปัญหาที่อันตรายกับแมวถ้าช่วยเหลือไม่ทันท่วงที อาจทำให้แมวเสียชีวิตได้ถ้าเค้าเสียสารน้ำและเกลือแร่จากร่างกายมาก เจ้าของต้องช่วยเหลือหรือแก้ปัญหา ตลอดจนการสังเกตอาการและจำแนกลักษณะของอุจจาระที่แมวขับออกมา เพราะจะเป็นข้อมูลที่สำคัญประกอบในประวัติการป่วย นอกจากนี้เราสามารถคาดคะเนตำแหน่งของปัญหาท้องเสียได้จากการสังเกตดูจากอุจจาระของแมว สิ่งที่เจ้าของควรสังเกต คือ เรื่องความถี่ในการถ่าย ปริมาณและส่วนประกอบอุจจาระ สังเกตดูสี หรือลักษณะพิเศษที่ปนออกมากับอุจจาระแมว เช่น มีพยาธิไหม มีเลือดสด หรือถ่ายมีเลือดเก่าสีกาแฟ มีหนอง หรือเศษเมือกปนอยู่ด้วยไหม สิ่งเหล่านี้จำเป็น ต้องสังเกตดูให้ดีเช่นกันค่ะ ปัญหาท้องเสียเรื้อรังในแมว เป็นภาระและความกังวลใจของเจ้าของแมวมาก แมวหลายๆ ตัวถ่ายจนอักเสบรูทวารหนักแดง ตัวเปื้อนอุจจาระเกือบตลอดเวลา ถ้าเป็นลูกแมวอาจเกิดอาการทวารหนักปลิ้นออก เกิดสภาวะขาดน้ำและอิเล็คโตรไลท์ ต้องพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็วที่สุด สาเหตุของท้องเสียเรื้อรัง ตามประสบการณ์ที่พบนั้นอาจเกิดจากการป่วยเป็นโรคพยาธิตัวตืด เชื้อบิด โรคช่องท้องอักเสบและมะเร็งในเม็ดโลหิตขาว ในระยะที่ทำให้เกิดก้อนเนื้อที่ลำไส้ พยาธิตัวตืด ที่พบมากในแมวส่วนใหญ่ชื่อ Dipylidium เป็นพยาธิที่อยู่ในลำไส้เล็ก แมวที่ติดพยาธิชนิดนี้ เนื่องจากกินหมัดที่มีตัวอ่อนของพยาธิเข้าไป ถ้ามีพยาธิในทางเดินอาหารมาก อาการท้องเสียย่อมเกิดขึ้นได้ สำหรับการตรวจวินิจฉัยนั้นสามารถเก็บตัวอย่างอุจจาระไปตรวจ หรือบางครั้งจะเห็นพยาธิตัวแก่ออกมาทางทวารหนักได้เช่นกันโรคบิด เกิดจากเชื้อโปรโตรซัว ที่อาศัยอยู่ในลำไส้เล็กหรือในลำไส้ใหญ่ แมวติดเชื้อโดยการกินอุจจาระที่มีเชื้อที่ว่านี้ปะปนอยู่ ในลูกแมวมีอันตรายเพราะจะป่วยและแสดงอาการอย่างรุนแรงได้ ในแมวโตที่ติดเชื้อมักจะทนทานกว่าและเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อต่อไป การตรวจสามารถเก็บเอาอุจจาระไปตรวจเพื่อหาเชื้อได้เช่นกันโรคช่องท้องอักเสบติดต่อจากเชื้อไวรัส แมวติดเชื้อโดยการสัมผัสใกล้ชิดแมวป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทาน และอาจก่อให้เกิดก้อนเนื้องอกในอวัยวะภายในที่ต่อมน้ำเหลืองและลำไส้โรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาว เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ติดต่อโดยทางน้ำลาย นอกจากนี้ยังสามารถผ่านทางรกและน้ำนมไปสู่ลูกแมวได้ อาการแสดงออกไม่แน่นอน ขึ้นกับอวัยวะที่มีผลกระทบ หากเกิดมะเร็งที่บริเวณทางเดินอาหารก็จะทำให้แมวท้องเสียได้ การวินิจฉัยโดยการตรวจเลือด โรคนี้ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันค่ะ

*** ขอขอบคุณ Petgang Healthy Magazine.com ครับ***

วันจันทร์, มิถุนายน 29, 2552

การเลี้ยงแมวเปอร์เซีย

การรับแมวเปอร์เซียเข้ามาที่บ้านวันแรกโดยส่วนใหญ่ที่ทำอยู่เมื่อรับแมวมาบ้านวันแรกก็จะขังเขาไว้ก่อนตามคำแนะนำของสัตว์แพทย์ที่แนะนำเราว่าจะได้ดูอาการน้องเขาก่อนว่าติดเชื้อไรมาหรือไม่ ซึ่งหากมีอาการก็จะแสดงให้เห็นภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นการดีกว่าหากจะปล่อยให้อยู่กับแมวเราเลย เพราะว่าหากมีเชื่อโรคไรขึ้นมาแมวเราก็จะติดไปด้วยหากเลี้ยงรวมเลยการทำความคุ้นเคยให้แมวเก่า ใหม่จริงตรงนี้ได้ยินคนถามมาเยอะเหมือนกัน ซึ่งตัวเองก็เคยเจอปัญหาแรกๆ เวลาเลี้ยงเหมื่อนกันว่าแมวมาใหม่จะถูกรังแก จากแมวเจ้าถิ่นบ้าง โดนตบบ้าง กัดบ้าง ทำให้แมวมาใหม่ร้องเสียงหลง ทำให้เราสงสาร วิธีการจริงๆ ก็ไม่มีไรเลย แค่คอยดูเขาห่างๆ เขาเล่นแรงก็จับแยกเท่านั้นน่าจะใช้เวลาประมาณ 2-5 วันน่าจะเข้ากันได้ หลังจากปล่อยเลี้ยงรวม ตอนแรกไม่เข้าใจเหมือนกันแมวที่บ้านเล่นเป็น 2 อาทิตย์เลยกว่าจะสนิทกัน เพราะเห็นมันถูกตบ ถูกกัดก็จะคอยเอาใส่กรงประจำ ทำให้มันไม่ชินกันซักที สุดท้ายเลยตัดใจปล่อยไม่ขัง จำได้ว่า 2-3 นี้แหละมันก็คุ้นกันแล้ว อุตส่าห์ขังแยกตั้งนาน ห้าๆๆๆ แต่อย่าลืมนิดนะครับว่า ต้องตัดเล็บแมวตัวเก่าด้วยไม่งั้นอาจทำอันตรายแมวตัวใหม่ได้ครับหลังจากได้แมวมาแล้ว สิ่งพื้นฐานที่ต้องมีเลย คือ

1. ชามอาหาร
2. ชามน้ำ หรือ จะเป็นจุกให้น้ำก็ดีเลย
3. กรงหากต้องการขังบ้างเป็นครั้งคราว แนะนำเป็นกรงเบอร์ 1 ครับ เพราะมีพื้นทีเดินกลับตัว ไม่ทำให้แมวเครียดมาก
4. กะบะทราย หรือจะเป็นห้องน้ำแมวก็ได้เพื่อเก็บกลิ่นได้ดี
5. ทรายแมว ขอเป็นทรายที่ขายกัน ไม่แนะนำทรายจริงครับ
6. อาหารแมว แนะนำให้กินอาหารแมวเกรดพรีเมี่ยม ตามร้านอาหารสัตว์ เช่น Royal Cannin หรือ Hill's ก็ได้ หรือจะเป็นยี่ห้ออื่นๆ ตามสะดวกก็ได้ครับ
7. ที่ตัดเล็บแมว
8. แชมพูแมว ต้องเป็นสำหรับแมวขนขาวเท่านั้นครับ โดยปกติจะซื้อกับสัตว์แพทย์เลย เพราะเป็นเพื่อนกันแนะนำดี
9. แปรงสำหรับ แปรงขนแมว
10. น้ำยาเช็ดตาและหู

เท่าที่นึกได้นะครับน่าจะประมาณนี้ครับ จะมีเล็กๆ น้อยๆ ก็พวกของเล่นแมว แต่ก็แล้วแต่เจ้าของหากันมาครับ หลังจากนั้นก็หามุมซักมุม วางสิ่งพวกนี้ไว้เพื่อเป็นที่ประจำในการมาพัก กินอาหาร หรือขับถ่าย อันนี้เจ้าของก็เลือกกันนะครับว่าจะวางตรงไหน จะอิงหลักฮวงจุ้ยก็ได้แล้วแต่ อิอิ เกี่ยวกันไหมเนี้ย ห้าๆๆๆ

อาหาร ก็วางให้เขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะกินไม่กินหากแมวปกติไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาหิวก็จะไปกินเองครับ แต่หากแมวตัวเล็กมากก็อาจ ทุบให้ละเอียดนิดครับหากเม็ดมันใหญ่มาก

ส่วนเรื่องน้ำ หากเป็นไปได้อยากให้ฝึกให้เขาเลียจุกน้ำมากกว่า จะสะดวกครับและน้ำไม่หกเรี่ยราดหรือเปียกขนแมวที่เรารักด้วยครับ

กรงแมว อย่างที่บอกไปก็ขอเป็นกรงแมวเบอร์ 1 เพื่อให้น้องเขามีพื้นที่สวิงตัวหน่อยจะได้ไม่ดู กดดันเกินไป อันนี้คิดจากความรู้สึกเอง 555 จะทำชั้นสูงจากพื้นอีกก็ได้เพื่อให้น้องเขาได้กระโดดขึ้นไปนอนได้ กรงนี้หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายสัตว์เลี้ยงทั่วไป บอกกรงเบอร์ 1 ครับขนาดประมาณ กว้าง 26 นิ้ว ยาว 36 นิ้ว และสูง 24 นิ้ว โดยประมาณครับ

กะบะทรายแมว ที่บ้านจะใช้เป็นห้องน้ำ น่ารักๆ แถมยังช่วยเก็บกลิ่นได้พอสมควรด้วย เพราะจะเลี้ยงแบบปล่อยให้วิ่งเล่นในห้อง ไม่ค่อยเน้นขังกรง ปวดเมื่อไหร่ก็วิ่งเขาห้องน้ำเอา ขั้นแรกไม่มีอะไรมากตามวิธีแต่ดั้งเดิมก็เอาก้นแมวไปถูๆ ที่ทราบแมวเพื่อให้มันมีกลิ่นของตัวมันเองติดที่ทราย จะได้มาเข้าห้องน้ำได้ถูก

ส่วนทรายแมว แนะว่าอยากให้เป็นทรายแมวจริงเลยเพราะมันจะเหม็นมากหากแมวอึหรือฉี่ ขอให้เป็นทรายแมวที่ขายในพวกร้าน Pet Shop จะดีกว่า จะเก็บกลิ่นได้พอสมควร ส่วนที่บ้านจะใช้ยี่ห้อ Cat Best เพราะสะดวกดี จับตัวเป็นก้อน เก็บกลิ่นดี แล้วสามารถนำไปทิ้งลงชักโครกได้เลย ไม่อุดตัน

ที่ตัดเล็บแมว ก็เป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะแมวจะชอบลับเล็บตัวเองเสมอๆ โดยเฉพาะกับเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เห่อๆๆๆ รวมถึงอาจทะเลาะกับแมวด้วยกันเอง ดังนั้น ควรตัดเล็บแมวให้สั้น แต่ไม่แนะนำให้ถอดเล็บนะครับไม่ควรทำ เพราะหากเปรียบกับคนก็เหมือนตัดนิ้วบริเวณที่เป็นเล็บออกไปเลย สยองใช่ไหมล่ะ ดังนั้นก็ไม่ควรทำกับแมวเราเช่นกันมันเป็นบาป อิอิ.... ส่วนการตัดเล็บแมวนั้นควรเป็นกรรไรที่สำกรับตัดเล็บแมวเท่านั้น จะได้ไม่ทำให้แมวเจ็บมาก และไม่แนะนำให้เป็นที่ตัดเล็บคน มันจะเจ็บครับ วิธีการก็ไม่มีอะไรมาก ก็สังเกต กางเล็บแมวออกมา แล้วดูครับ เล็บแมวจะแบบเป็น 2 ช่วงคือ ปลายเล็บที่แหลมเนื้อสีขาวขุ่น อันนี้สามารถตัดได้ แต่บริเวณที่ลึกลงได้จนเห็นเนื้อแดงๆ ของเขาติดกับเล็บอย่าไปตัดนะครับ เขาจะเจ็บ และมีเลือดออก ให้ตัดตรงที่ไม่มีเนื้อติดครับ ไม่ยากครับ ไม่ต่องกลัว แต่ต้องปล้ำกับแมวหน่อย อิอิ

แปรงสำหรับแปรงขนแมว แนะนำว่าเป็นแปรงแบบหัวตุ่มก็ดีครับ (เรียกถูกไหมเนี้ย 555) หวีให้น้องเขาเป็นไปได้ก็เช้า-เย็น เพื่อขนไม่พันกัน และเอาขนเก่าออก ส่วนใหญ่ที่บ้านแมวจะชอบให้หวีให้ เพราะมันจะเคลิมเลย ^^แชมพูแมวเปอร์เซีย ขอให้เป็น

แชมพูสำหรับแมวขนยาว เพราะจะได้ไม่ทำให้ขนพันกัน ที่บ้านจะใช้สูตรพวกป้องกันเห็บหมัด เชื่อเราต่างๆ ด้วย แต่อันนี้ก็แล้วแต่จะเลือกกันนะครับ หรือจะปรึกษาสัตว์แพทย์ใกล้บ้านก็ได้ ว่าเป็นแชมพูยี่ห้อไหนจะดี หลังจากได้แชมพูก็อย่าลืมอาบน้ำให้มันนะครับอย่างน้อยๆ ซักเดือนละครั้งเป็นอย่างน้อย ไม่ก็ 2 สัปดาห์ครั้งก็ได้ หลังจากอาบน้ำก็เป่าขนให้แห้ง ย้ำว่าให้แห้งนะครับ ไม่เอาหมาดเดี๋ยวขนน้องจะชื้นแล้วน้องจะเป็นหวัด หรือเป็นเชื้อราได้

น้ำยาเช็ดตาและหู ก็จะหาได้ง่ายๆ จากร้าน Pet Shop ทั่วไป ก็แล้วแต่จะเลือกหรือจะปรึกษาสัตว์แพทย์ก็ได้แล้วแต่ การเช็ดตา หากเป็นแมวหน้าบี้ก็ต้องดูแลเช็ดเช้า-เย็น เพื่อให้ไม่เป็นคราบสกปรกติดตาไม่น่ามอง จะใช้เป็นน้ำยา หรือน้ำอุ่นๆ เ๙้ดก็ได้เหมือนกัน จากนั้นก็ซับๆ ให้แห้งด้วยนะครับ ส่วนการทำความสะอาดหู ก็ควรเช็ดเป็นประจำเพราะ หูเป็นบริเวณที่สกปรกง่ายแล้วอาจก็ให้เกิดเชื้อโรคต่างๆ กับแมวได้ ดังนั้นอาจเช็ดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเป็นดีครับ หรือจะดูว่าสกปรกแล้วก็ควรเช็ดได้ครับ

การสังเกตุอาการผิดปกติในแมว อันนี้ก็ต้องคอยดูครับว่าน้องเขาซึมไหม ตัวร้อนไหม ถ่ายเป็นเลือดไหม ปัสสาวะออกหรือเปล่า หรืออาการใดๆ ที่ดูผิดสังเกตก็จะรีบโทรถามสัตว์แพทย์โดยทันที หากไม่น่าไว้วางใจก็จะรีบนำตัวไปพบสัคว์แพทย์โดยด่วนเพื่อเช็คอาการครับ ที่บ้านจะคอยถามตลอด จนหมอเบื่อแล้วมั้ง 555

*** ขออนุญาติยิมบนความของ นาย HImalayan มาก่อนน่ะครับ***